ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ดอกไม้ก็บานสะพรั่ง
ดังนั้นฉันจึงอยากจะแบ่งปันวิธีการเก็บรักษาและวิธีการทำดอกไม้แห้ง
ดอกไม้แห้งเป็นวิธีที่จะได้ชื่นชมความงามของดอกไม้ได้นาน
ดอกไม้แห้งกำลังได้รับความนิยมมากกว่าดอกไม้สดในปัจจุบัน
งั้นมาดูวิธีการทำให้ดอกไม้แห้งกันเลยดีกว่า
1. เมื่อซื้อดอกไม้ที่ต้องการมาแล้ว ขั้นตอนแรกคือการเตรียมดอกไม้ (การตัดแต่งก้านและใบให้เรียบร้อย)
ใบที่อยู่บริเวณก้านซึ่งมักจะถูกจับบ่อยนั้นง่ายต่อการแตกหักหลังจากทำเป็นดอกไม้แห้งแล้ว
ดังนั้นควรจัดการให้เรียบร้อยก่อนล่วงหน้า
2. เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว ให้แช่ในน้ำประมาณหนึ่งถึงสองชั่วโมง เนื่องจากดอกไม้จะต้องอยู่ในสภาพสดเพื่อให้แห้งได้อย่างสวยงาม
หากได้ดอกไม้มาแล้วและดอกไม้ดูสดอยู่แล้ว ขั้นตอนนี้สามารถข้ามไปได้
3. จากนั้นมัดเป็นช่อเล็กๆ ประมาณ 4-5 ดอก หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงและแขวนคว่ำไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
หากแขวนติดกับผนัง ส่วนที่ติดกับผนังจะแห้งไม่ดี ดังนั้นควรแขวนไว้ในที่ที่สามารถแขวนลอยได้
หากทำที่บ้าน ให้วางไว้ที่หน้าต่างหรือระเบียง แต่ควรปิดม่านหรือบังแดดเพื่อไม่ให้โดนแสงแดดโดยตรง
ควรปิดให้มิดชิด
4. เมื่อเริ่มแห้ง ก้านจะบางลงและหลุดง่าย ดังนั้นควรผูกใหม่เป็นครั้งคราวและใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ในการทำให้แห้งสนิท
หากใช้ยางยืด ก็จะมีความยืดหยุ่นและไม่ต้องผูกใหม่บ่อยๆ
เคล็ดลับ: เมื่อทำให้ดอกไม้ในตะกร้าหรือช่อดอกไม้แห้งนั้น มักจะติดกันแน่น ดังนั้นควรแยกออกจากกันก่อนทำให้แห้ง
ควรมีการระบายอากาศที่ดีระหว่างดอกไม้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อรา
ควรแกะห่อพลาสติกออกก่อนทำให้แห้ง ควรหลีกเลี่ยงเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่ชื้นหรือช่วงฤดูฝน และไม่ว่าจะทำในฤดูใดก็ตาม
การทำให้แห้งด้วยวิธีนี้จะทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับดอกไม้แห้งได้นานถึง 1-2 ปี
ขอแนะนำดอกไม้ที่เหมาะสำหรับการทำดอกไม้แห้ง
1. กุหลาบ (Rose)
ลักษณะ: มีสีสันและรูปทรงที่หลากหลาย ทำให้ยังคงความสวยงามแม้จะทำเป็นดอกไม้แห้งแล้ว โดยเฉพาะกุหลาบขนาดเล็กจะยิ่งดูสวยงามเมื่อแห้งแล้ว
การดูแล: ควรแขวนคว่ำไว้ในที่ร่มที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
2. อมารันธ์ (Globe Amaranth)
ลักษณะ: สีไม่เปลี่ยนแปลงไปนานและรูปทรงยังคงอยู่แม้จะแห้งแล้ว
การดูแล: การทำให้แห้งในที่ร่มที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกจะช่วยรักษาสีและรูปทรงไว้ได้นาน
3. มิสตี้บลู (Misty Blue)
ลักษณะ: ดอกเล็กๆ รวมกันเป็นกลุ่ม จะสร้างบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์เมื่อทำเป็นดอกไม้แห้ง
การดูแล: การแขวนคว่ำก้านไว้จะช่วยรักษารูปทรงที่เป็นธรรมชาติ
4. สตาติส (Statice)
ลักษณะ: มีสีสันและพื้นผิวที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เป็นที่นิยมในการทำดอกไม้แห้ง
การดูแล: ควรทำให้แห้งในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกและหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง
5. ลาเวนเดอร์ (Lavender)
ลักษณะ: มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวและสีม่วงที่สวยงาม เมื่อทำเป็นดอกไม้แห้งแล้วจะดูน่าสนใจ
การดูแล: การทำให้แห้งในที่ร่มที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกจะช่วยรักษากลิ่นหอมและสีสันไว้ได้นาน
6. ฝ้าย (Cotton)
ลักษณะ: ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบาย เหมาะสำหรับการตกแต่งดอกไม้แห้งในฤดูหนาว
การดูแล: สามารถทำให้แห้งได้เองตามธรรมชาติโดยไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษ
ข้อควรระวังในการทำดอกไม้แห้ง
ควรเลือกดอกไม้ที่มีความชื้นน้อยและกลีบดอกแข็งแรง
ควรทำให้แห้งในที่ร่มที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกเพื่อป้องกันเชื้อรา
ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงเพื่อป้องกันการเปลี่ยนสี
ดอกไม้แห้งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น นำไปปักแจกัน ตกแต่งผนัง หรือใช้ทำการ์ดและของขวัญต่างๆ
ความคิดเห็น0